ศิลปินคนพิษณุโลก : ครูมืด ฤทธิพล นักร้องดังในยุค 1980

อิทธิพล บำรุงกุล หรือ ครูมืด ฤทธิพล นเรศบำรุงกุล เป็นคนอำเภอเมืองพิษณุโลก นักร้องดังในยุค 1980 ผลงานที่สร้างชื่อเสียง คือ ทาสบำเรอ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2520 และถูกนำมาร้องใหม่ในชื่อ สะใจ

อิทธิพล บำรุงกุล (ครูมืด) เกิดวันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2493 ที่บ้านพักข้าราชการทหารอากาศ ภายในกองโรงเรียนการบิน ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา บิดาเรืออากาศตรีพุฒ บำรุงกุล รับราชการทหาร (ถึงแก่กรรม) มารดา นางสวาท บำรุงกุล เป็นแม่บ้าน (ถึงแก่กรรม) มีพี่-น้องทั้งหมดรวม 7 คน โดยครูมืดเป็นคนที่ 4 พี่น้องของครูมืดรับราชการเป็นทหารทุกคน ยกเว้นครูมืด เนื่องจากเป็นคนที่ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ในวัยเด็กได้ศึกษาที่โรงเรียนใน จ.นครราชสีมา ต่อมาย้ายตามบิดามาอยู่ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 5 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดา ได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่านกร้อง และโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม (รุ่น 09) หลังจากนั้นจึงได้ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ ศึกษาอยู่ 4 ปี จึงทำตามความฝันเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อประกวดร้องเพลง โดยการประกวดครั้งแรกที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 4 บางขุนพรหม และได้รับรางวันที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2515 จึงได้เข้าสู่วงการบันเทิง จากการแนะนำของศักรินทร์ บุญญฤทธิ์ (เอลวิสเมืองไทย) โดยได้ร้องเพลงแนวลูกกรุง ได้บันทึกแผ่นเสียงชุดแรก คือชุดสะใจ ในช่วงปี 2524 บันทึกแผ่นเสียงคู่กับ ศรีไสล สุชาติวุฒิ ผลงานที่ได้รับความชื่นชอบและเป็นที่รู้จักก็คือเพลงสะใจ และเดินทางโปรโมทร้องเพลงตามไนท์คลับจังหวัดต่างๆ เมื่อครั้งได้ไปทำงานร้องเพลงที่จังหวัดจันทบุรี ก็ได้พบรักกับสาวสวยชาวจันทบุรี เป็นภรรยาชื่อนางระเบียบ นิรันดร์พงศ์ และได้แต่งงานมีบุตรตรีด้วยกัน 2 คน ชื่อนางสาววิไลลักษณ์ บำรุงกุล (กู๊ด) และนางสาวรัตนิดา บำรุงกุล (กิ๊ก)

จุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้จักเพลง สะใจ

ครูมืดได้ร้องเพลงในรายการโกลเด้นซอง โดยครูหนึ่ง จักรวาล ได้ทำดนตรีใหม่ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 โดยได้กล่าวถึงที่มาของเพลงสะใจ ว่า ในสมัยหนุ่มๆ นั้น เราเป็นคนรักแรง อกหักแรง มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเราได้เลิกกันทางโทรศัพท์ และในขณะนั้นเราขึ้นร้องเพลงในไนต์คลับ นักดนตรีไม่รู้เรื่องอะไรก็ขึ้นเพลง แล้วเราเองก็ได้ร้องเพลงบนเวที “เธอตายเสียแล้ว” ความหมายคือเธอตายไปแล้วจากชีวิตเรา แล้วก็ร้องไห้บนเวที ขณะนั้นพี่แฉล่ม ได้เรียกผมมา บอกว่า “มืดมานี่” แล้วถามว่าเป็นอะไร เพลงที่ร้องทำไมถึงได้เพราะแบบนี้ จึงได้เล่าให้พี่แฉล่มฟังว่า “ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมเขาทำกับผมแบบนี้ เขาคงสะใจมากใช่ไหมพี่” ดังนั้น จึงได้ชื่อเพลงนี้มา ว่า “สะใจ”

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=Js5bAeVpXNA

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=KLAY9eA6mvg

เรื่องเล่าจากครูมืด

ครูมืดอิทธิพล ได้เล่าใน Youtube ของตนเอง ที่ได้แต่งเพลงเองและร้องเองไว้สำหรับเปิดในงานศพของตัวเอง โดยกล่าวว่า ผมฤทธิพล นเรศบำรุงกุล หรือที่รู้จักกันในวงการเพลง ก็คือ อิทธิพล บำรุงกุล แต่ตอนหลังได้มีคนเรียกผมว่า ครูมืดอิทธิพล สาเหตุที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่า มีรายการหนึ่งซึ่งดังมากๆ คือรายการโกลเด้นซอง ได้เชิญผมไปร้องเพลง ในฐานะที่เป็นต้นฉบับเพลง “สะใจ” หรือเพลงทาสบำเรอ เป็นคนแรก ทีมงานน่าจะสับสน เพราะชื่อตามบัตรประชาชนใช้ชื่อว่า ฤทธิพล นเรศบำรุงกุล แต่ชื่อในแผ่นเสียงเป็น อิทธิพล บำรุงกุล เขาจึงได้เรียกว่า ครูมืด อิทธิพล บำรุงกุล ฉะนั้น หลาย ๆ คนมักเรียกผมว่า ครูมืด ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้เป็นครู ที่ไปสอนตามโรงเรียน ตามมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เลยครับ

สาเหตุที่ผมต้องเปลี่ยนชื่อเป็นฤทธิพล นเรศบำรุงกุล เนื่องจากครั้งหนึ่งผมป่วยหนักมาก เป็นโรค ตับแข็ง เพราะการอยู่ในวงการบันเทิง ก็ต้องมีบ้างที่ใช้ชีวิตเปลือง ดื่มบ้างไม่ได้ดูแลสุขภาพ พออายุมากจึงได้ป่วยเป็นตับแข็ง แต่ดีที่ไม่ได้เป็นมะเร็งตับ จนครั้งหนึ่งอาการทรุดหนักมากจนคิดว่าไม่น่ารอดแล้ว เมื่อทานอะไรเข้าไปจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ปัสสาวะก็เป็นเลือด จนนอนไม่หลับจึงได้อธิฐานว่า ถ้าทรมานแบบนี้ลูกขอไปดีกว่า แต่ขอให้ผมหลับแล้วก็ไปเลย แต่ได้มีท่านผู้รู้ผู้หนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ท่านทราบว่าผมป่วย ได้ให้คนนำน้ำมนต์มาให้ผม เป็นน้ำมนต์ที่ท่านเล่าว่า ได้ใช้เหรียญของสมเด็จพระนเรศวรหยอดลงไปในน้ำ แล้วก็ท่องคาถา “โอมพระนเรศวรมหาราช มะ มะ” แค่นี้ จำนวน 9 ครั้ง แล้วให้ผมมาดื่ม เมื่อผมดื่มเข้าไปแล้วก็อาเจียนออกมา เป็นสีดำ หลายๆคนก็ตกใจ แต่สำหรับผมกลับดีใจ เพราะว่าอาการแน่นหน้าอก ความทรมานอึดอัดต่างๆ มันหายไป และก็ได้หลับอย่างมีความสุขมาก พอตื่นขึ้นมาผมก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย ผมจึงรู้สึกว่า ผมหายได้ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวร ผมจึงขอพระนามของพระองค์ท่าน ที่พม่ามักจะเรียกท่านว่า “พระนเรศ” ใช้คำว่า “นเรศ” มาเป็นนามสกุล จึงได้มาเป็น ฤทธิพล นเรศบำรุงกุล

เพลงเดียวดายในวัยชรา เพลงนี้แต่งเพื่อไว้เปิดในงานศพของตัวเอง เป็นการเตรียมความพร้อม เป็นการสอนตัวเองว่าความตายนี้มันอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา อยู่ที่ปลายจมูกของพวกเรา ถ้ายังมีลมหายใจผ่านรูจมูกของเราก็แสดงว่าเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วมองเห็นพระอาทิตย์ก็แสดงว่าเรายังมีอีก 1 วันนะ แต่ไม่รู้จะอยู่อีกกี่ชั่วโมง แต่ถ้าลมหายใจไม่ผ่านรูจมูกของเราเมื่อไหร่ แสดงว่าเราจากโลกนี้ไปแล้ว ระยะหลังผมไปงานสีดำเยอะมาก ญาติพี่น้องคนนั้นเสียชีวิต เพื่อนคนนั้นเสียชีวิต เห็นอาวุโสจากเราไป ก็ยังไม่มีการสั่งลา ผมจึงคิดได้ว่า สักวันหนึ่งก็คงจะถึงงานของเรา ถ้าหากเค้ามาร่วมงานเรา จะมีสักกี่คน ที่คิดถึงเรา แล้วใครจะมางานของผมบ้าง ผมฉุกคิดว่าได้ว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เราจะทำอะไรให้คนรำลึกนึกถึงเรา ผมจิตนาการว่า สมมติว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันจนแก่เถ้าแล้ว มีผู้หนึ่งผู้ใดที่ต้องตายจากไป คนที่อยู่เบื้องหลังจะเศร้าโศกแค่ไหน

ประโยคหนึ่งซึ่งให้เอาไว้เตือนใจตนเอง ให้เป็นแง่คิดสำหรับท่านผู้ชม โดยประโยคว่า

“แก่แล้วไม่มีอะไร สร้างความดีไว้ให้โลกจดจำ” นี่คือเพลงเดียวดายในวัยชรา

ผลงานเพลงของอิทธิพล บำรุงกุล

1สะใจ https://www.youtube.com/watch?v=jM53AxsDAsA

11.ช้ำใจจริง https://www.youtube.com/watch?v=vD9YCyfswmw
12.ขอเพียงฝัน https://www.youtube.com/watch?v=Ai7KZGBLUDk
13.ก็เพียงเท่านี้ https://www.youtube.com/watch?v=N96nIZEVBFg
14.หญิงให้เช่า https://www.youtube.com/watch?v=YpfrlCVWthc
15.ความหวังยังมี https://www.youtube.com/watch?v=-KEBF2fFxn0

16.คอยรัก https://www.youtube.com/watch?v=Q7IXG_gjDco
17.ร้ายนักรักนี่ https://www.youtube.com/watch?v=vf2h2eDnL1c
18.สันติบาล สันติสุข https://www.youtube.com/watch?v=oOGdxAA0RnU
18.น้อมอาลัยพ่อภูมิพล https://www.youtube.com/watch?v=VAgPbFDXI2o
19.ชมไพร https://www.youtube.com/watch?v=j4qWByiAbAI
20.น้อมรำลึก 400 ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช https://www.youtube.com/watch?v=fWU_K0sb1jk
21.พระนเรศจอมราชัน https://www.youtube.com/watch?v=1DO28Rd2-eo
22.สองกษัตริย์ตราผู้เกรียงไกร https://www.youtube.com/watch?v=pMZ2yz0YMAM

เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาววิวรรธนี สังข์ทอง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ชำนาญการ