เพลงพื้นบ้าน “นวดข้าว” (ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก)

การนวดข้าวนั้นเป็นวิถีชีวิตของคนมาตั้งแต่สมัยโบราณนับเป็นร้อย ๆ ปีมาแล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่ชาวนาเกี่ยวข้าวเสร็จก็จะมัดรวมกันเป็นฟ่อน เรียกว่า ฟ่อนข้าว แล้วชาวนาจะขนข้าวมาที่ลาน ซึ่งทำไว้โดยใช้จอบ หญ้าออกพอกับความต้องการแล้วใช้ขี้ควายละลายน้ำทาไปทั่วลานเรียกว่า ยาลาน นำข้าวมาเรียง ๆ กันเรียกว่า ลอมข้าว เมื่อจะเริ่มนวด เข้าจะเอาหลักปักตรงกลางลานเรียกว่า เสาเกียด แล้วนำฟ่อนข้าวจากที่ลอมไว้มาวางตั้งเรียงรอบเสาเกียดวางซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น แล้วใช้ควายผูกกับเสาเกียดหลาย ๆ ตัวย่ำบนฟ่อนข้าวควายจะเดินรอบเสาเกียดฟลาย ๆ รอบ เมล็ดข้าวจะหล่นมาจากหมดแล้ว ชาวนาเขาจะช่วยกัน ใช้ขอฉายโหย่งฟาง ออกจากเมล็ดข้าว เมื่อเสร็จแล้วจะเหลือชิ้นเล็ก ๆ หล่นปนอยู่ในข้าวเขาจะใช้ขอฉาย ควักฟาง ออกเมื่อควักเสร็จแล้วจะเหลือเป็นผงฟางเรียกว่า ขี้รุฟาง เขาจะให้ตะแกรงร่อนเอาเศษฟางออกเรียกว่า ร่อนฟาง เมื่อร่อนเสร็จแล้วเขาจะใช้กระคานผูกเชือกหัวท้ายถึง 2 ข้าวขึ้นกองรอยเสาเกียดเรียกว่า ชักข้าวขึ้นเกียด เมื่อข้าวขึ้นกองใหญ่รอบเสาเกียดแล้ว เขาจะใช้พั่ว สาดข้าวแทนหรือเครื่องพัดข้าว โดยใช้คนหมุน เมื่อได้ข้าวที่ไม่มีฟางปนสะอาดแล้ว ก็นำขึ้นไปเก็บในยุ้งฉางต่อไป

ขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ ชาวนาจะมีการร้องรำทำเพลงไปด้วย เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย หายเหนื่อย เมื่อยล้า เกิดความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ การทำงานเขาเอาแรงกันไม่จ้างกันและการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะกันมีการร้องเพลงเกี้ยวราพาสีกัน เย้าแหย่กันไป จึงทำให้เกิดเพลงนวดข้าวขึ้น
ปัจจุบันการนวดข้าวดังกล่าวจะไม่มีอีกแล้วเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทน การนำเสนอ ได้นำเสนอการเล่นเพลงนวดข้าวไปหลายแห่งเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จัก และช่วยกันอนุรักษ์สืบสานไว้ โดยสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ในฐานะศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ดำเนินการจัดอบรมและถ่ายทอดบทเพลงพื้นบ้านนวดข้าวให้กับคณาจารย์และนักศึกษาสาขาวิชาดนตรี-นาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นต้นแบบการแสดงและขยายผลให้กับเยาวชนในจังหวัดพิษณุโลกต่อไป

Loading

Scroll to Top