วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมอาคารศูนย์เทคโนโลยีนวัตกรรมทางการศึกษา ชั้น 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ส่วนวังจันทน์
สำนักศิลปะและวัฒนธรรม จัดเสวนา ภายใต้หัวข้อ “วัฒนธรรมกับอำนาจโน้มน้าว” ปาฐกถานำโดย นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย รศ.ดร.ธันวดี ศรีธาวิรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรม มรพส., นายวรวิทย์ มาแก้ว ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคเหนือ (TCEB), นางสาววรัญญา หอมธูป ผู้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร “วิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า”, ผศ.ดร.อรรถพล รอดแก้ว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพหุวัฒนธรรม เพลงพื้นบ้านและศิลปะพื้นบ้าน และ นายสุรศักดิ์ ผิวพรรณ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเสวนาดังกล่าว
ภายใต้กรอบการผลักดัน Soft Power ในมองมุมกลับเพื่อปรับมุมมองต่อวัฒนธรรมตนในทิศทางใหม่ เติมความคิดสร้างสรรค์ แรงดึงดูด คุณค่า และความต่อเนื่อง การสร้างสรรค์ เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีนวัตกรรม การเสวนาได้เน้นย้ำถึงบทบาทของวัฒนธรรมในฐานะ “พลังอ่อน” ที่สามารถโน้มน้าวใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม ผู้ร่วมเสวนาได้ชี้ให้เห็นว่า การมองวัฒนธรรมเพียงในมิติของการอนุรักษ์นั้นยังไม่เพียงพอ แต่จำเป็นต้องเติมเต็มด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การใช้วัฒนธรรมพื้นบ้านและศิลปะดั้งเดิมมาเชื่อมโยงกับสื่อดิจิทัล สามารถสร้าง “แรงดึงดูด” ที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่เวทีโลกได้อย่างมีพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของโซเชียลมีเดียที่การเข้าถึงข้อมูลไม่มีพรมแดน
มุมกลับหนึ่งที่น่าสนใจจากเวทีนี้คือ การมองวัฒนธรรมในฐานะการลงทุนระยะยาว การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ศิลปะ และอาหารไทย ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การสร้างรายได้ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังสร้าง “คุณค่า” ที่คงอยู่อย่างยั่งยืนในจิตใจของผู้คน
การเสวนาในครั้งนี้ ผู้ร่วมเสวนาเน้นถึงความสำคัญของการสั่งสมความรู้ในสังคม ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นถูกนำมาเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัฒนธรรม เช่น การใช้ AI ในการสร้างสรรค์ลวดลายผ้าไทย การพัฒนาสื่อ VR เพื่อจำลองประสบการณ์วัฒนธรรมพื้นถิ่น และการใช้ Blockchain ในการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า OTOP
แนวทางการเดินหน้าซอฟต์พาวเวอร์ประเทศไทย
-ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับความดั้งเดิม
การเติมจินตนาการและความสร้างสรรค์ลงในวัฒนธรรมดั้งเดิมช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่
-ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐฝ่ายเดียว แต่เป็นความร่วมมือที่ต้องเชื่อมโยงทั้งภาคเอกชน นักวิชาการ และชุมชน
-ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นสะพานเชื่อม
การใช้เทคโนโลยีเพื่อขยายขอบเขตของวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการจัดนิทรรศการเสมือนจริงหรือการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราว
เวทีเสวนา “วัฒนธรรมกับอำนาจโน้มน้าว” เป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการนำเสนอวัฒนธรรมให้โลกได้รู้จัก แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับการเติบโตทั้งในมิติทางเศรษฐกิจและมิติทางสังคมการเดินหน้าครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ไทย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความต่อเนื่องในการสร้างสรรค์และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้ยืนหยัดและเชื่อมโยงกับโลกอนาคตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง