“จากครูสู่ผู้นำวัฒนธรรม ผู้จุดประกายให้บทเพลงพื้นบ้านกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

นางฉลอม สามิตร เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2487 ณ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นบุตรีของ นายฟู จันทร์คง อดีตผู้ใหญ่บ้านผู้เป็นที่เคารพนับถือ และนางส้มลิ้ม จันทร์คง แม่บ้านผู้เปี่ยมด้วยความอบอุ่น ภูมิหลังของครอบครัวทำไร่ทำนาอย่างเรียบง่ายในสังคมชนบทที่มีวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นรากฐานของวิถีชีวิต
ประวัติการศึกษาและการทำงาน
ป้าฉลอมเริ่มเข้าศึกษาในระดับประถมต้น ที่โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ ศึกษาต่อในระดับประถมปลาย ที่โรงเรียนบ้านวัดโบสถ์บำรุงวุฒิวิทยา หลังจากนั้นเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ด้วยความมุ่งมั่นใฝ่รู้ จนกระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) เอกประวัติศาสตร์ ที่วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม
และเข้าสู่เส้นทางวิชาชีพครู โดยเริ่มต้นสอนที่โรงเรียนวัดเสนาสน์ อำเภอวัดโบสถ์ จากนั้นได้ย้ายไปสอนที่โรงเรียนบ้านวัดโบสถ์บำรุงวุฒิวิทยา จนได้รับเข้าไปทำงานที่เขตประถมการศึกษาที่ 3 ในตำแหน่งศึกษานิเทศน์ถึง 15 ปี แล้วจึงได้ย้ายมารับราชการครูภาษาอังกฤษที่โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ อันเป็นพื้นที่ที่เธอผูกพันอย่างลึกซึ้ง ก่อนตัดสินใจลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2544 จึงอุทิศตนให้กับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างเต็มตัว
จุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์เพลงพื้นบ้าน
หลังจากเกษียณจากการเป็นครู ป้าฉลอมได้นำเอาความทรงจำและความผูกพันในวัยเยาว์กับ “เพลงพื้นบ้าน” ที่เคยได้ยินได้เห็นในงานประเพณีต่างๆ กลับมาจุดประกายใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้คนในชุมชนจะหยุดพักจากการทำไร่ทำนา มาร่วมกันเล่นน้ำ สนุกสนานกับการละเล่น และร้องเพลงพื้นบ้านหน้าวัดเหล่าขวัญที่เคยเป็นลานกิจกรรมหลักของหมู่บ้าน บรรยากาศเหล่านั้นคือ “ห้องเรียนชีวิต” ของเธอ ที่มีทั้งการเจดีย์ทราย เด็กๆ หาดอกไม้ ผู้เฒ่าผู้แก่จะร่วมกันร้องรำทำเพลงและเล่นการละเล่น เช่น ชักเย่อ ลูกช่วง ลิงลม นางด้ง นางตาล นางสุ่ม นางจุ้ย โดยบทเพลงที่ใช้ในกิจกรรมเหล่านั้น ได้แก่ เพลงฮิน เล เล, เพลงกุ่น ซ่อน กุน, เพลงจับไก่, เพลงกล่อมเด็ก, เพลงแห่นาค เพลงเรือน้อยนำเที่ยว และอื่นๆอีกหลายเพลง สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เกิดแรงบันดาลใจในการก่อตั้ง“ชมรมอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านตำบลท้อแท้” ในปี พ.ศ. 2544 โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นคืนชีวิตให้แก่บทเพลงพื้นบ้าน ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างความภาคภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ได้สืบสานวัฒนธรรมของชุมชน
ฮินเลเล เป็นการละเล่นเพลงพื้นบ้านของชาวอำเภอวัดโบสถ์ ที่เล่นกันตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตาทวด มีการเล่นสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น จะมีการรวมตัวกันที่ลานวัดเหล่าขวัญมากที่สุดในอำเภอวัดโบสถ์ เพราะว่าคนพื้นถิ่นสามารถเล่นเพลงพื้นบ้านกันได้ทุกคน เพราะได้ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนจะช่วยกันร้องสร้อย ต่อด้วยพ่อเพลงแม่เพลงร้องเพลงด้นเป็นกลอนสดที่ลงท้ายด้วยสระ เอ เป็นเพลงที่ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบความสามารถของแต่ละคน ที่จะใช้ในการเกี้ยวพาราสีกันระหว่างหนุ่ม สาว แต่ถ้านึกอะไรไม่ออก ก็จะลงท้ายด้วย นเว นักแสดงทุกท่านจะมายืนล้อมวง คนที่ยังไม่ร้องก็จะช่วยกันปรบมือ โดยมีพ่อเพลง แม่เพลงออกมาเป็นคู่ สลับกันไปเรื่อยๆ เครื่องดนตรีก็จะมีกลอง และฉิ่ง ตีกันเป็นจังหวะสนุกสนาน
บทบาทหน้าที่และตำแหน่งที่ได้รับ
จากความมุ่งมั่นและเสียสละในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม จึงได้รับตำแหน่งสำคัญ ดังนี้
ประธานชมรมอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านของตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ประธานสภาวัฒนธรรม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
รางวัลที่ได้รับ
รางวัล “ประกาศเกียรติคุณแม่ดีเด่น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2553” ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม จากเทศบาลตำบลวัดโบสถ์ วันที่ 12 สิงหาคม 2553
รางวัล “วัฒนคุณาธร” ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม จากกระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 2 ตุลาคม 2563
ได้รับคัดเลือกตามโครงการปราชญ์แห่งศิลป์บนแผ่นดินเมืองสองแคว ด้านศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์และการละคร) จากสภาวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก วันที่ 2 เมษายน 2561
รางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี 2562” ด้านศิลปวัฒนธรรม วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562
รางวัล “ผู้สนับสนุนการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเภทเพลงพื้นบ้านในชุดฮิลเลเลสร้างสรรค์ รู้ทันโควิด-19” จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก วันที่ 2 เมษายน 2564




ป้าฉลอมในสายตาชุมชน
เธอไม่ใช่เพียง “นักอนุรักษ์” แต่คือ “ผู้จุดประกาย” ให้กับศิลปะพื้นบ้านในชุมชน
เธอไม่ใช่เพียง “ครู” แต่คือ “ครูชีวิต” ที่ใช้บทเพลงเป็นเครื่องมือในการเชื่อมคนรุ่นใหม่กับรากเหง้าของตนเอง




ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=1BA447yZHI4
เพลงฮินเลเลของอำเภอวัดโบสถ์
การสะท้อนภาพบริบททางสังคม ในเนื้อเพลงฮินเลเล ของอำเภอวัดโบสถ์ จะแสดงว่า มีการละเล่นประเภท “ลิเก” อยู่ในสังคมนั้น และสตรีที่มีความสวยงาม จะเอวเล็ก เอวบาง เหมือน “นางลิเก” สีเสื้อผ้าสตรีที่นิยมว่าสวยงามคือ “สีแดง” และมีความฝันในการไป “เที่ยวทะเล” (เพราะอำเภอนี้อยู่ในเขตภูเขา) ส่วนการเดินทางในชีวิตประจำวัน คือ “เรือเมล์”เนื่องจากเป็นอำเภอที่มีแม่น้ำแควน้อยเป็นเส้นทางคมนาคมที่บรรจบกับแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และในลำน้ำที่มีเรือเมล์แล่นผ่าน น่าจะอุดมไปด้วยดอกบัวตามเนื้อเพลงที่ได้บันทึกไว้ ดังนี้
สร้อยเพลง ฮินเลเลฮินเลเล
(ชาย) เอวเล็ก เอวบาง น้องงามเหมือนนางลิเก (สร้อย)
(หญิง) อย่ามาหลอกให้น้องตายใจ มันเชื่อไม่ได้ดอกนะเว (สร้อย)
(ชาย) จะรำก็รำ อย่ามัวไปทำรวนเร (สร้อย)
(หญิง) จะรำก็ได้ มันไม่เป็นไรดอกนะเว (สร้อย)
(ชาย) แม่เสื้อแดงสวนนัก จะพานัองรักไปเที่ยวทะเล (สร้อย)
(หญิง) ฉันไปไม่ได้จริง ฉันกลัวถูกทิ้งไว้ชายทะเล (สร้อย)
(ชาย) จะไปก็ไป กระโดดเกาะท้ายเรือเมล์ (สร้อย)
(หญิง) อย่าเร่งนักซี ฉันไม่เคยขี่เรือเมล์ (สร้อย)
(ชาย) ฉันชอบชมดอกบัว พี่ขออยู่หัวเรือเมล์ (สร้อย)
(หญิง) ฉันขอบนอนหลับ ขอนั่งพิงกาบเรือเมล์ (สร้อย)
(ชาย) ได้แต่งกับเจ้า พี่ต้องขอเหมาเรือเมล์ (สร้อย)
(หญิง) ถ้าพี่โกหก จะผลักให้ตกเรือเมล์ (สร้อย)
(ชาย) มัวแต่คุยกัน เดี๋ยวก็ไม่ทันเรือเมล์ (สร้อย)
(หญิง) นายท้ายไม่ได้เรื่อง ยังไม่ติดเครื่องเรือเมล์ (สร้อย)
การละเล่น “เพลงนวดข้าว”
การนวดข้าวนั้นเป็นวิถีชีวิตของคนมาตั้งแต่สมัยโบราณนับเป็นร้อย ๆ ปีมาแล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่ชาวนาเกี่ยวข้าวเสร็จก็จะมัดรวมกันเป็นฟ่อน เรียกว่า ฟ่อนข้าว แล้วชาวนาจะขนข้าวมาที่ลาน ซึ่งทำไว้โดยใช้จอบ หญ้าออกพอกับความต้องการแล้วใช้ขี้ควายละลายน้ำทาไปทั่วลานเรียกว่า ยาลาน นำข้าวมาเรียง ๆ กันเรียกว่า ลอมข้าว เมื่อจะเริ่มนวด เข้าจะเอาหลักปักตรงกลางลานเรียกว่า เสาเกียด แล้วนำฟ่อนข้าวจากที่ลอมไว้มาวางตั้งเรียงรอบเสาเกียดวางซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น แล้วใช้ควายผูกกับเสาเกียดหลาย ๆ ตัวย่ำบนฟ่อนข้าวควายจะเดินรอบเสาเกียดฟลาย ๆ รอบ เมล็ดข้าวจะหล่นมาจากหมดแล้ว ชาวนาเขาจะช่วยกัน ใช้ขอฉายโหย่งฟาง ออกจากเมล็ดข้าว เมื่อเสร็จแล้วจะเหลือชิ้นเล็ก ๆ หล่นปนอยู่ในข้าวเขาจะใช้ขอฉาย ควักฟาง ออกเมื่อควักเสร็จแล้วจะเหลือเป็นผงฟางเรียกว่า ขี้รุฟาง เขาจะให้ตะแกรงร่อนเอาเศษฟางออกเรียกว่า ร่อนฟาง เมื่อร่อนเสร็จแล้วเขาจะใช้กระคานผูกเชือกหัวท้ายถึง 2 ข้าวขึ้นกองรอยเสาเกียดเรียกว่า ชักข้าวขึ้นเกียด เมื่อข้าวขึ้นกองใหญ่รอบเสาเกียดแล้ว เขาจะใช้พั่ว สาดข้าวแทนหรือเครื่องพัดข้าว โดยใช้คนหมุน เมื่อได้ข้าวที่ไม่มีฟางปนสะอาดแล้ว ก็นำขึ้นไปเก็บในยุ้งฉางต่อไป
ขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ ชาวนาจะมีการร้องรำทำเพลงไปด้วย เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย หายเหนื่อย เมื่อยล้า เกิดความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ การทำงานเขาเอาแรงกันไม่จ้างกันและการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะกันมีการร้องเพลงเกี้ยวราพาสีกัน เย้าแหย่กันไป จึงทำให้เกิดเพลงนวดข้าวขึ้น
ปัจจุบันการนวดข้าวดังกล่าวจะไม่มีอีกแล้วเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทน
การนำเสนอ ได้นำเสนอการเล่นเพลงนวดข้าวไปหลายแห่งเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จัก และช่วยกันอนุรักษ์สืบสานไว้ต่อไป
สถานที่นำเสนอ
- งานวันอนุรักษ์มรดกไทย ที่โรงเรียนอัมรินทร์ลากูน อ.เมือง จ.พิษณุโลก
- งานสมัชชาคุณธรรมตลาดนัดคุณธรรมภาคเหนือที่สวนชมน่านและที่โรงแรมไพลิน จ.พิษณุโลก
- งานชมรมวิทยุสมัครเล่นภาคเหนือ ที่โรงแรมอัมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก
- งานลานวัฒนธรรมของวัฒนธรรม จ.พิษณุโลก ที่สวนชมน่าน จ.พิษณุโลก
- ที่งานนิทรรศการ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก
- งานกาชาด, งานนเรศวร, วัดวิหารทอง จ.พิษณุโลก
- งานประจำปีของวัดพระศรีรัตนมหาวรวิหาร จ.พิษณุโลก
- ในสถานศึกษาหลายแห่ง
- ที่ว่าการอำเภอวัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
- งานเทศกาลของวัดหลายแห่งของ อ.วัดโบสถ์, อ.เมือง จ.พิษณุโลก
- งานเทศบาลตำบลวัดโบสถ์
- งานทัวร์คุณธรรมของ ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
เพลงนวดข้าว
ถ้าเจ้าเอ๋ยฟางเอ๋ย เอ่อ เอยฟางเอย (สร้อย) (2 ครั้ง)
คู่โหย่งฟาง
ชาย โหย่งเถิด เถิดนะ แม่โหย่ง (ช้ะๆ) ฉันรัก แม่คนคิ้วโก่ง ฉันจึงมาโหย่งเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
หญิง โหย่งเถิด เถิดนะ พ่อโหย่ง (ช้ะๆ) ขอเชิญ พ่อสูงโหย่ง มาช่วยกันโหย่งเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
ชาย โหย่งเถิด เถิดนะ แม่โหย่ง (ช้ะๆ) ฉันอยาก จะนอนคลุมโปง กับคนที่โหย่งเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
หญิง โหย่งเถิด เถิดนะ พ่อโหย่ง (ช้ะๆ) คนแก่จะเข้าโรง ยังอยากคลุมโปง เอ๋ยโหย่งฟางเอย (สร้อย)
คู่ควักฟาง
ชาย ควักเถิด เถิดนะแม่ควัก (ช้ะๆ) พี่อยากจะฝากความรัก กับที่ควักเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
หญิง ควักเถิด เถิดนะพ่อควัก (ช้ะๆ) น้องขอดูใจ พี่สักพัก ค่อยกลับมาควักเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
ชาย ควักเถิด เถิดนะแม่ควัก (ช้ะๆ) ไปกับพี่สักพัก ค่อยๆควักเอ๋ยฟางเอย (สร้อย)
หญิง ควักเถิด เถิดนะพ่อควัก (ช้ะๆ) ขอฉายของพี่ยาวนัก จะควักให้หักเอ๋ยฟางเอย
ถ้าเจ้าเอ๋ยตะแกงเอ๋ย เอ่อ เอยตะแกงเอย (สร้อย) (2 ครั้ง)
คู่ล่อนฟาง
ชาย ล่อนเถิด เถิดนะแม่ล่อน (ช้ะๆ) แม่เล็บมือตั้ง แม่หลังมืออ่อน ขอเชิญมาล่อนเอ๋ยตะแกงเอย (สร้อย)
หญิง ล่อนเถิด เถิดนะพ่อล่อน (ช้ะๆ) พี่อย่ามาทำออดอ้อน น้องไม่อยากให้ล่อนเอ๋ยตะแกงเอย (สร้อย)
ชาย ล่อนเถิด เถิดนะแม่ล่อน (ช้ะๆ) ตะแกงของน้องถูกใช้มาก่อน พี่ไม่อยากจะล่อนเอ๋ยตะแกงเอย (สร้อย)
หญิง ล่อนเถิด เถิดนะพ่อล่อน (ช้ะๆ) ตะแกงของน้องถึงจะเก่ามาก่อน ก็ไม่อยากให้ล่อนเอ๋ยตะแกงเอย
ชักข้าวขึ้นเกียตร
สร้อยชาย ยอดมิ่งมาช่วยกันชัก (ช่า) ยอดรักมาช่วยกันเย่อ บุ๊บ บั๊บ บ้ำ เบ้อ ชักให้เสมอกันเอย
สร้อยหญิง ยอดมิ่งมาช่วยกันชัก (ช่า) ยอดรักมาช่วยกันเย่อ ชักให้เสมอกันเอย
ชาย ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดตาล
ทำบุญสิ่งใดหนอ จะได้ร่วมหอกับแม่นมยาน (สร้อย)
หญิง ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดชะพู
ทำบุญสิ่งใดหนอ ไม่อยากร่วมหอกับไอ้พวกเจ้าชู้ (สร้อย)
ชาย ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดไผ่
ทำบุญสิ่งใดหนอ จะได้ร่วมหอกับแม่พวกตูดใหญ่ (สร้อย)
หญิง ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดผักบุ้ง
ทำบุญสิ่งใดหนอ ไม่อยากร่วมหอกับไอ้พวกหัวยุ่ง (สร้อย)
ชาย ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดสะแก
ทำบุญสิ่งใดหนอ จะได้ร่วมหอกับแม่พวกแก่ๆ (สร้อย)
หญิง ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดใบลาน
ทำบุญสิ่งใดหนอ ไม่อยากร่วมหอกับไอ้พวกหัวล้าน (สร้อย)
ชาย ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดโพธิ์
ทำบุญสิ่งใดหนอ จะได้ร่วมหอกับแม่พวกนมโต (สร้อย)
หญิง ช้างเอยเอ่อหะเอยช้างชักๆ อุ้มงวงขึ้นไปหักกระชากชักเอายอดสะเดา
ทำบุญสิ่งใดหนอ ไม่อยากร่วมหอกับไอ้พวกขี้เมา (สร้อย)
(โห่ 3 ลา) -จบ-
ประพันธ์โดย นางฉลอม สามิตร
ประธานชมรมอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านของตำบลท้อแท้
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
การละเล่นเพลง “กุ่น ซ่อน กุน”
“กุ่น ซ่อน กุน”เป็นการละเล่นเพลงพื้นบ้านชนิดหนึ่งของชาววัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก มาเป็นร้อยปีแล้วที่ปู่ ย่า ตา ยาย ได้เล่นสืบทอดกันมา การเล่นจะนิยมเล่นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ คือก่อนวันตรุษสงกรานต์ 1 วัน ในตอนเย็น พวกคนเฒ่าคนแก่หนุ่มสาวเด็กเล็กจะพากันไปขนทรายเข้าวัด การขนย้ายทรายถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง และเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบกันขนทรายด้วยกัน พอพลบค่ำจะพากันมาเล่นชักกะเย่อ-ลูกช่วง-บางตาล-บางสุ่ม-ลิงลม การเล่นทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งจะใช้เพลง กุ่น ซ่อน กุน ประกอบการร้องรำไป การเล่นเพลง กุ่น ซ่อน กุน จะมีเครื่องดนตรีประกอบคือ กลอง และฉิ่ง และผู้เล่นปรบมือตามจังหวะ การร้องเพลง กุ่น ซ่อน กุน แก้กันระหว่างพ่อเพลงแม่เพลง โดยผลัดเปลี่ยนกันร้องแก้กันเป็นคู่ๆ เนื้อร้องจะเป็นการด้นสด ซึ่งต้องอาศัยปฏิภาณไหวพริบในการร้องแก้กัน กลอนทุกวรรคจะต้องลงท้ายด้วย สระ อุน เช่น คุณ จุน มุล ร้องสร้อยเพลงกุ่น ซ่อน กุน ชา ละ เล ซ่อน กุน (2ครั้ง) ผลัดเปลี่ยนกันร้องเป็นคู่ๆ พวกที่ไม่ร้องจะรำ บ้างก็ปรบมือประกอบไปด้วยเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวในสมัยโบราณพบปะพูดจากันและร้องเพลง และถือโอกาสเลือกคู่ครองไปด้วย ผู้เล่นจะสนุกสนานครื้นเครงมาก
การนำเสนอ ได้รับการเสนอการเล่นเพลง กุ่น ซ่อน กุน ไปในสถานที่ต่างๆ หลายแห่งเพื่อเป็นการเผยแพร่สืบสานไว้ต่อไป
สถานที่นำเสนอ
1.งานวันอนุรักษ์มรดกไทย ที่โรงเรียนอัมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก
2.งานสมัชชาคุณธรรมสภาคนัคคุณธรรมภาคเหนือที่สวนชมน่าน และที่โรงแรมไพลิน จ.พิษณุโลก
3.งานชมรมวิทยุสมัครเล่นภาคเหนือ ที่โรงแรมอัมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก
4.งานลานวัฒนธรรมของวัฒนธรรม จ.พิษณุโลก ที่สวนชมน่าน จ.พิษณุโลก
5.ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก
6.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก
7.งานกาชาด, งานผลควร, วัดวิหารทอง จ.พิษณุโลก
8.งานประจำปีของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
9.ในสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี, โรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา จ.พิษณุโลก
10.ที่ว่าการอำเภอวัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
11.งานเทศกาลของวัดหลายแห่งของ อ.วัดโบสถ์, อ.เมือง จ.พิษณุโลก
12.งานเทศบาลตำบลวัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
13.งานทัวร์คุณธรรมของ ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
(อ้าว) กุ่นซ่อนกุน ซา ละ เล ซ่อนกุน (สร้อย) (2 ครั้ง)
คู่ที่ 1 ชาย สวัสดีพี่น้องจ๋า ๆ วันนี้ฉันมาร้องกุ่น ซ่อน กุน (สร้อย)
หญิง การเล่นเขาทำอย่างไร ๆ ขอเชิญกล่าวไขเถิดนะพ่อคุณ (สร้อย)
ชาย ชายหญิงมายืนล้อมกันๆ ปรบมือไปพลันร้องกุ่น ซ่อน กุน (สร้อย)
หญิง เพื่ออนุรักษ์ เพลงพื้นบ้านๆ เรามาช่วยกันสืบสานค้ำจุน (สร้อย)
คู่ที่ 2 ชาย พี่เป็นหนุ่มมาจากแดนไกลๆ มาบ้านขวัญใจได้ไหมแม่คุณ (สร้อย)
หญิง พี่มาดีก็ไม่เป็นไรๆ ขอให้พูดจริงใจเถิดนะพ่อคุณ (สร้อย)
ชาย บ้านน้องเขาลือมานานๆ เล่นเพลงพื้นบ้านจริงหรือแม่คุณ (สร้อย)
หญิง พูดไปจะว่ายกตนๆ เล่นได้ทุกคน ทั้งหมู่บ้านเลยคุณ (สร้อย)
คู่ที่ 3 ชาย น้องจ๋าเขาเล่นเมื่อใดๆ ช่วยเล่าขานไขบอกให้เอาบุญ (สร้อย)
หญิง เขาเล่นวันตรุษสงกรานต์ๆ งานเทศกาลไงเล่าพ่อคุณ (สร้อย)
ชาย งั้นพี่ไม่เที่ยวได้ไหมๆ พี่ชักชอบใจคนเล่าแล้วคุณ (สร้อย)
หญิง อย่าทำเจ้าชู้ปากหวานๆ ลูกเมียทางบ้านจะชุลมุน (สร้อย)
คู่ที่ 4 ชาย การเล่นมีอะไรบ้างๆ ขอแม่ร้อยชั่งบอกให้เอาบุญ (สร้อย)
หญิง เล่นลูกช่วงชักคะเย่อๆ ชายหญิงช่วยกันเย้อหกล้มชุลมุน (สร้อย)
ชาย แล้วเล่นกันต่ออีกไหมๆ ฉันชักชอบใจสนุกมากแม่คุณ (สร้อย)
หญิง มาเล่นนางด้งนางตาลๆ นางจู้สุมกันไล่ตีนะคุณ (สร้อย)
คู่ที่ 5 ชาย ทำไมเขาต้องไล่ตีๆ แล้วเขาวิ่งหนีไปไหนแม่คุณ (สร้อย)
หญิง บางคนวิ่งเข้ากอไผ่ๆ บ้างขึ้นยอดไม้สนุกมากนะคุณ (สร้อย)
ชาย งั้นพี่จะคว้ามือนางๆ กระโดดเข้ากองฟาง เลยนะแม่คุณ (สร้อย)
หญิง พี่คงจะคิดไม่ซื่อๆ มาคว้าข้อมือเขาถือมากนะคุณ (สร้อย)
คู่ที่ 6 ชาย เพลงนวดข้าวน้องร้องได้ไหมๆ เพลงพวงมาลัยร้องได้ไหมแม่คุณ (สร้อย)
หญิง เพลงที่ถามน้องร้องได้พร้อมๆ จะให้ร้องกล่อมนอนได้นะคุณ (สร้อย)
ชาย พี่อยากจะขอนอนเปลๆ แล้วโอละเห่นอนเปลนะแม่คุณ (สร้อย)
หญิง ได้เลยพี่ต้องแก้ผ้าๆ แล้วเอาแป้งมาทาเหมือนเด็กนะพ่อคุณ (สร้อย)
ชาย อุ๋ยไม่เอาพี่กลัวหมาไล่กัดๆ หมาไล่ฟัดกัดของสืบสกุล (สร้อย)
พร้อมจบ สวัสดีทุกท่านที่มาๆ เพราะหมดเวลาต้องขอกราบลาแล้วนะคุณ (สร้อย)
ขอยกมือขึ้นวันทาๆ พร้อมโบกมือลา ขอบคุณๆ (สวัสดี)
ประพันธ์โดย นางฉลอม สามิตร
ประธานชมรมอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านของตำบลท้อแท้
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัด
การละเล่นเพลงนางตาล
นางตาลเอ้ยโหรีโหรา ไอ้แก้วคอควั่น ดวงจันทร์ปักกะแห อย่าทำท้อแท้ ไปเลยแม่นางตาลเอย
* (ช่วยกันร้อง 4 – 5 ครั้ง)
มีผีลงละเว้ย ผีลงละวา ผีลงไม่ได้ ไต่ไม้ลงมา ผีลงไม่เป็นหกคะเมนลงมา
*(สร้อยเพลงร้องพร้อมกัน) หมากก็ซอง พลูก็ซอง ขันน้ำพานรองมารอง 7 ชั้น เชิญเอ๋ยเชิญลง มาอมข้าวเหนียว
พี่ช้างงาเดียว ค่ำลงมาเล่น ค่ำลงมาเล่น พระองค์ขาวเขียว
การละเล่นเพลงนางด้ง
นางด้งเอ๋ยเข้าป่าระหงษ์ เข้าดงไม้หมาก เข้ารากไม้แดง แตงร่อนข้าว กระด้งผัดข้าว ลมมาเพยเพย
ลมมาพายพาย มาขนดินทรายไปใส่น้ำเต้า เชิญปู่เชิญเหย้า
นางด้งเอย ผีลงละเว้ยผีลงละวา ผีลงไม่ได้ไต่ไม้ลงมา ผีลงไม่เป็น หกคะเมนลงมา
หมากก็ซอง พลูก็ชอง ขันน้ำพานรองมารอง 7 ชั้น
เชิญเอ๋ยเชิญลง มาอมข้าวเหนียว พี่ช้างงาเดียว ค่ำลงมาเล่น ค่ำลงมาเล่น พระองค์ขาวเขียว
การละเล่นเพลงนางสุ่ม
ดงสุ่มเอ้ยแรกเริ่มเดิมที นารี เป็นไม้ไผ่ มีหน่อสอง ตารอบข้าง ตัดไม้มาสานใช้ เหลาเอ้ยเหลาแล้ว
ใช้แก้วรนไฟ มาเร็วมาไวเชิญแม่นางสุ่มเอย
*ผีลงละเว้ยผี ผีลงละวา ผีลงไม่ได้ไต่ไม้ลงมา ผีลงไม่เป็นหกคะเมนลงมา
*หมากก็ซองพลูก็ซอง ขันน้ำพานรองมารอง 7 ชั้น เชิญเอ๋ยเชิญลงมาอมข้าวเหนียว ขาช้างงาเดี่ยว
ค่ำลงมาเล่น ค่ำลงมาเล่น
การละเล่นเพลงนางจู้
นางเอ้ยมึงไปไหมา ขี้ตาจอมเปอะ ลอยหน้าลอยตา ศึกหน่อยเนอะ
ไอ้เซียงเอ้ยมึงไปไหนมา มากินน้ำจันทน์ มาเต้นมารำสวยงามดีงามดี
*ผีลงละเว้ย ผีลงละวา ผีลงไม่ได้ไต่ไม้ลงมา ผีลงไม่เป็น หกคะเมนลงมา
*หมากก็ซอง ผลก็ซอง ขันน้ำพานรองมารอง 7 ชั้น
เชิญเอ๋ยเชิญลง มาอมข้าวเหนียว ที่ช้างงาเดียว ค่ำลงมาค่ำลงเล่น
5.เพลงลิงลม
ลิงลมเอ้ย มาอมข้าวพอง เด็กน้อยทั้งสองมาทัดดอกจิก
เล่นหัวเล่นหางเล่นกลางดุกดุก เจ้าพญานาพริก เจ้าพญานกเขา เล่นเนื้อเล่นเหล้า เข้าสิงลมเอย
ผีลงละเว้ยผีลงละวา ผีลงไม่ได้ไต่ไม้ลงมา ผีลงไม่เป็นหกคะเมนลงมา
หมากก็ซองพลูก็ซอง ขันน้ำพานรองมารอง 7 ชั้น เชิญเอ๋ยเชิญลง มาอมข้าวเหนียว ที่ช้างงาเดียว ค่ำลงมาเล่น
ค่ำลงมาเล่น