ศิลปินแห่งชาติ : เพ็ญศรี  พุ่มชูศรี สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง)

เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เป็นนักร้องเพลงไทยสากลที่ได้ใช้นามจริงมาตลอดเวลา โดยมีนามแฝง ว่า “โจ๋ว” เธอเป็นบุตรีของนายผิว นางจันทร์ พุ่มชูศรี เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2472 ที่ จังหวัดพิษณุโลก เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 (เทียบเท่า ม.1 ปัจจุบัน) จากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี (ประจำจังหวัดพิษณุโลก) แล้วย้ายครอบครัวเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้เรียนหนังสือ ต่อเพราะฐานะทางบ้านไม่รู้ดี เนื่องจากเป็นเด็กที่สนใจร้องเพลงและร้องได้ไพเราะมาตั้งแต่เด็ก จึงได้ใช้ความสามารถในการร้องเพลง เข้าประกวดขับร้องในงานวัดต่างๆ ตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ขวบ (พ.ศ.2481) ประสบความสำเร็จคือได้รางวัลชนะเลิศ รับถ้วยรางวัลไม่น้อยกว่า 40 ครั้ง

  • พ.ศ. 2481-2483 เริ่มประกวดร้องเพลงตามงานวัดต่างๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศมากมาย จนเป็นที่หวั่นเกรงของบรรดาผู้เข้าประกวด เพราะยากที่จะเอาชนะเธอได้ในระยะนั้นเธอใช้นามว่า ผ่องศรี พุ่มชูศรี
  • พ.ศ. 2484 อายุได้ 12 ปี ได้เริ่มบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกเพลง “ศีลธรรมทั้งห้า” ซึ่งศิวะ วรนาฏ (นามจริง ชิน เนียวกุล) เป็นผู้แต่งทั้งบทร้องและทำนอง และเป็นปีเดียวกันที่บิดาประสบอุบัติเหตุ ตกจากที่สูงต้องตัดแขนออกข้างหนึ่ง ทำให้ต้องเริ่มต้นรับภาระในการหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
  • พ.ศ. 2485 ทหารญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ได้เริ่มร้องเพลงในค่ายของทหารญี่ปุ่น โดยบริษัทมิตซุยเป็นผู้ว่าจ้าง ได้รับเงินเดือน 45 บาท เสาร์ อาทิตย์ได้ค่าล่วงเวลาอีกวันละ 1.50 บาท ช่วยให้ปัญหาทางบ้านคลี่คลายลงมาก
  • พ.ศ. 2487 อายุ 14 ย่างเข้า 15 ปี เวส สุนทรจามร ซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือ ฝึกสอนขับร้องเพลงมาก่อนแล้ว ได้พาไปทดสอบเสียงที่วงดนตรีสากล กรมโฆษณาการซึ่ง นาย เอื้อ สุนทรสนาน เป็นหัวหน้าวงอยู่ และได้รับเข้าเป็นนักร้องโดยเป็นข้าราชการสามัญในปีนี้ แต่ยังไม่สบโอกาสที่จะได้ร้องเพลงออกงาน ช่วงนี้ได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติมอย่างมากจาก เวส สุนทร จามร ซึ่งเป็นครูที่เอาใจใส่ฝึกฝนให้เธออย่างจริงจังตลอดมา ต่อมา แก้ว อัจฉริยกุล ได้ตั้งวงดนตรีชื่อ “รัตนศิลป์” เธอจึงได้เริ่มออกงานร้องเพลงบนเวทีอาชีพครั้งแรก ที่โรงหนังพัฒนาการกับวงดนตรีนี้ โดยร้องเพลงชื่อว่า “เสียงสะอื้น” ซึ่ง เอื้อ สุนทรสนาน และ แก้ว อัจฉริยะกุล ประพันธ์ร่วมกัน
  • พ.ศ. 2487-2491 เป็นนักร้องประจำวงดนตรีสากลกรมโฆษณาการ ได้ร้องเพลงตามบัญชาของผู้นำ
  • พ.ศ. 2487-2491 เป็นนักร้องประจำวงดนตรีสากลกรมโฆษณาการ ได้ร้องเพลงตาม บัญชาของผู้นำการเมืองยุคนั้น ออกแสดงตอนค่ำที่โรงภาพยนตร์โอเตี้ยน ระหว่างสงครามโลกครั้ง ที่ 2 ทั้งเดินทางไปร้องเพลงตามจังหวัดต่างๆ เช่น หนองคาย จนสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง จึงได้เริ่มบันทึกแผ่นเสียงกับวงดนตรี กรมโฆษณาการ ที่ห้างแผ่นเสียง ต.เล็กชวน (แผ่นเสียงตรา 32 กระต่ายหน้าสีน้ำเงินอ่อน ตัวอักษรสีทอง) เสียงของเธอจึงออกอากาศดังไปทั่วทิศทั้งในส่วนที่ร้องสดจากห้องส่งวิทยุคลื่นสั้น คลื่นยาว ทั้งในและนอกประเทศ ผลที่ได้รับคือความนิยมจาก ประชาชน เพราะเป็นนักร้องที่มีเสียงไพเราะ ในปี 2490 ได้เริ่มร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “สาย ฝน” ในการบรรเลงรายการสดจากห้องดนตรี และในปี 2491 จึงได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงพระราชนิพนธ์สายฝนนี้ กับห้างแผ่นเสียงนำชัยเป็นแผ่นเสียงตราสุนัข กระดาษปะหน้าสีเขียว ซึ่งปัจจุบัน จัดเป็นของเก่าที่หายากมาก
  • พ.ศ. 2492-2494 ได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงไทยสากลเพิ่มขึ้นอีกกับ บริษัทกมลสุโกศล (แผ่นเสียงตราโคลัมเบีย หน้าสีม่วงแก่) และระยะเวลาสำคัญที่เริ่มสนใจละครเวทีได้เข้าร่วมร้องเพลงประกอบการแสดง ร่วมแสดง และร้องเพลงสลับฉากกับละครคณะชุมนุมศิลปิน ของนาย สุวัฒน์ วรดิลก ซึ่งเป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและเขียนบท เนื่องจากทางราชการไม่อนุญาตให้ข้าราชการออกไปแสดงละครอาชีพ เพ็ญศรีฯ จึงได้ลาออกจากราชการไปร่วมงานและร่วมชีวิตคู่ กับนายสุวัฒน์ วรดิลก ในปี 2494
  • พ.ศ. 2496 แม้จะลาออกจากกรมโฆษณาการแล้ว ทางราชการยังตามตัวไปบันทึกเสียง และร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ได้รับพระราชทานเงินเพลงละ 100 บาท ซึ่งนับว่าสูงมากในยุคนั้น
  • พ.ศ. 2498-2500 เข้าทำงานเป็นนักร้องของสถานีวิทยุทหารอากาศ ทุ่งมหาเมฆ โดย สามีคือ สุวัฒน์ วรดิลก เป็นหัวหน้าฝ่ายจัดรายการ ในปี 2500 นี้ได้ร่วมกับสามีนำคณะนักดนตรีและนักร้องออกเดินทางผ่านฮ่องกง ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งสิ้น 48 คน เนื่องจาก ขณะนั้นทางราชการห้ามติดต่อกับประเทศคอมมูนิสต์ เมื่อกลับมาก็ถูกจับสอบสวน หลังจากนั้นก็ ถูกปล่อยตัวตามเงื่อนไขทางการเมือง
  • พ.ศ. 2506 ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน (รองชนะเลิศ) ทั้งประเภท ก และ ประเภท ข ในเพลงวิหคเหิรลม และเพลงม่านไทรย้อย
  • พ.ศ. 2508 ได้รับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำ พระราชทานเป็นรางวัลชนะเลิศ ในเพลงชื่อ “ข้อรัก” ในปีเดียวกันนี้ ได้รับพระราชทานรางวัลดาราทองพิเศษ ซึ่งสมาคมสื่อข่าว บันเทิงได้จัดขึ้นในฐานะผู้มีผลงานร้องเพลงดีเด่นในรอบปี ในปีนี้ได้เปิดศูนย์ฝึกหัดขับร้องเพลง “ศกุนตลา” และเป็นครูสอน
  • พ.ศ. 2509-2517 ยังคงสอนร้องเพลงและพัฒนาวิชาชีพการขับร้องด้วยความตั้งใจ ผลคือ มีนักร้องใหม่ที่เป็นศิษย์เกิดขึ้นหลายคน และศิษย์ทั้งหลายต่างชื่นชมพากันเรียกเธอว่า “คุณแม่” หรือ “แม่โจ้ว” กันไปทั่วเมือง ระยะที่สอนนี้เองทำให้เธอมีความรู้และความชำนาญในเรื่องของ ดนตรีและเพลง ตลอดจนการตีความหมายเพลง และประดิษฐ์วิธีการขับร้องที่ประกอบด้วย สุนทรียะ สูงส่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นอันมาก ได้พาคณะศิษย์ไปร้องเพลงทั้งในต่างจังหวัดและต่างประเทศ ช่วยงานการกุศลศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
  • พ.ศ. 2526-2529 ช่วยงานการกุศลที่สหรัฐอเมริกาในโครงการ “ส่งความรักกลับ เมืองไทย” เพื่อหาเงินช่วยเด็กกำพร้าและได้นำเงินมามอบแก่นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว ประธานมูลนิธิฯ ในประเทศไทย
  • พ.ศ. 2530-2533 เป็นประธานชมรมนักร้องแห่งประเทศไทย ติดต่อกันถึง 3 สมัย สามารถจัดงานการกุศลหารายได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียน ที่ยากจนในกรุงเทพมหานคร (โครงการ อาหารกลางวันและอาหารเสริม) โดยการสนับสนุนของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พลตรีจำลอง ศรีเมือง) ติดต่อกันถึงสามปี
  • พ.ศ. 2534 ร่วมงานการกุศลหลายรายการและท้ายที่สุดในรายการคอนเสิร์ตดวงใจกับความรัก ร้องเพลงชุดชะตาฟ้า ของหม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ เพื่อสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา และได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล ขับร้อง)
  • พ.ศ.2550 เพ็ญศรีฯ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2550 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2550 ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร พร้อมกับคุณสุวัฒน์ วรดิลก (สามี)

รับพระราชทานแผ่นเสียงทองคำชนะเลิศ (ประเภท ข.) พ.ศ. 2508 – 2509

ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=haiku&month=02-2008&date=27&group=17&gblog=11

เพ็ญศรี เมื่อปี พ.ศ. 2496 ขวาสุดคือ ชรินทร์ นันทนาคร ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=haiku&month=02-2008&date=27&group=17&gblog=11

เพ็ญศรี ซ้ายสุด ศรีสโล สุชาติวุฒิเจ้าของเพลงรักข้ามขอบฟ้า ชุดขาวตรงกลาง ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=haiku&month=02-2008&date=27&group=17&gblog=11

ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=haiku&month=02-2008&date=27&group=17&gblog=11

เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เป็นศิลปินนักร้องเพลงไทยสากลที่มีผลงานต่อเนื่องการขับร้องเพลงมา นานถึง 50 ปี จนเป็นที่ยอมรับว่า เธอเป็นผู้หนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญในการ่วมพัฒนาเพลงไทย สากลขึ้นมาให้เป็นศิลปะ ที่สามารถแสดงออกถึงอัจฉริยภาพทางคีตศิลป์ของสังคมไทยยุคใหม่นั้น เพ็ญศรีฯ มีความเข้าใจลึกซึ้งในรูปแบบและลีลาของดนตรีสากล และยังมีความจัดเจนในการถ่ายทอดวิญญาณคีตศิลป์ไทย ให้ประสานแนบสนิทกับลักษณะอันเป็นสากล จัดได้ว่าเป็นนักร้อง คนหนึ่งที่สามารถแสดงออกให้เห็นประจักษ์ชัดเจนว่า เพลงไทยสากลเป็นทั้งไทยและสากลได้ อย่างไร เพ็ญศรีฯ เป็นนักร้องที่ได้รับการฝึกฝนทั้งในด้านเทคนิคการขับร้อง และการตีความหมายของเพลงมาอย่างดียิ่ง ความสามารถอันนี้มีมาแต่เยาว์วัย ทั้งสามารถรับการถ่ายทอดความรู้อันละเอียดลึกซึ้งในด้านคีตศิลป์ มาจากสองปรมาจารย์ทางดนตรีไทยสากลคือ  เวส สุนทรจามร และ เอื้อ สุนทรสนาน ทั้งยังเป็นผู้ใฝ่ในการแสวงหาความรู้เพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลาที่ ผ่านมาจนสามารถเข้าใจในรายละเอียด ของดนตรีและบทเพลงได้ดียิ่งขึ้นเป็นลำดับความจัดเจน ทางเทคนิคขับร้องของเธอนั้นจัดได้ว่า   มีเกณฑ์สูงมาก สามารถผลิตกระแสเสียงได้อย่างดี มีคุณภาพตลอดช่วงเสียงที่กว้างมาก จากต่ำสุดไปหาสูงสุด ได้อย่างไพเราะ สามารถใช้เสียงพริ้ว อันเป็นลักษณะการร้องแบบสากลได้อย่างเหมาะสม เป็นผู้แม่นยำในจังหวะ สามารถควบคุมการ ทอดเสียงให้เกิดการสั่นสะเทือน ได้อย่างพรายพลิ้วมีเสน่ห์เกินกว่านักร้องทั้งหลายและคุณลักษณะ ที่โดดเด่นก็คือการเปล่งคีตวลี (PHRASING) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือน

ในด้านการตีความ (INTERPRETATION) เพ็ญศรีฯ เป็นนักร้องเพลงไทยสากลคนหนึ่ง ในจำนวนนักร้องเพลงไม่กี่ราย ที่เข้าใจถึงความสำคัญของการตีความ ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการขับร้อง ในที่นี้เธอมีความสามารถโดดเด่นอยู่สองประการด้วยกันคือ สามารถจับ ลักษณะเฉพาะในท่วงทำนองเพลงได้ เรียกว่าเธอเข้าถึงซึ่งจุดประสงค์ของคีตกวีผู้แต่งทำนองเพลง ได้เป็นอย่างดียิ่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถขับร้องเพลง ให้งดงามได้ทุกรูปแบบ ประการที่สอง เธอมีความเข้าใจลึกซึ้งในบทร้อง สามารถตีความหมายของบทร้องได้กระจ่าง ทั้งนี้เพราะ เป็นนักอ่านวรรณกรรมมาแต่ยังมีอายุน้อย ผลจากการที่อ่านหนังสือมากนี้เอง ทำให้การตีความบทร้อง ของเธอบรรลุวัตถุประสงค์ ในการสื่อความหมายได้อย่างเยี่ยมยอด คือสามารถจับวิญญาณของ เพลงได้ถูกจุดเสมอมา จนสามารถนำทั้งคีตศิลป์และวรรณศิลป์เข้ามาสมานกันได้อย่างสนิทสนม จนบังเกิดเป็นสุนทรียรสอันวิเศษ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีนักแต่งเพลงจงใจแต่งเพลงให้เธอร้องอยู่เสมอ โดยเฉพาะเพลงที่ร้องยากๆ เธอจะร้องได้ดีและมีความไพเราะสดใส เกินกว่านักร้องอีกมากมาย หลายคน

ความสามารถสองประการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้เธอประสบความสำเร็จในการขับร้องเพลง     ไม่ว่าเพลงนั้นจะมาจากค่ายใดของวงการเพลงไทยสากล เพ็ญศรีฯ สามารถช่วยให้เพลง สุนทราภรณ์เด่นดังได้ด้วยความสามารถของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอได้เป็นผู้มีส่วนช่วยให้ศิลปิน แห่งชาติอีกสองคนก็คือ สมาน     กาญจนะผลิน และ สง่า อารัมภีร ได้ประสบความสำเร็จใน ผลงานของเขา ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า เพ็ญศรีฯ     เป็นตัวของตัวเองโดยแท้ เธอมิได้ผูกพันตัวเองไว้ กับเพลงแบบใดแบบหนึ่ง หรือของคณะใดคณะหนึ่งโดยเฉพาะ อันเป็นความคล่องตัวพิเศษที่หาได้ ไม่ง่ายนักในวงการนักร้องของเมืองไทย ความปราดเปรื่องในเทคนิคการขับร้องที่แม่นยำเป็นพิเศษของ เพ็ญศรีฯ ทำให้นักแต่งเพลง หัวหน้าวงดนตรี ต่างพากันเรียกร้องหาเธออยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพลงที่ร้องให้ไพเราะได้ยาก เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลปัจจุบันก็ดี เพลงของหลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ก็ดี เพลงของ หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ก็ดี เพ็ญศรีฯ สามารถร้องได้ยอดเยี่ยมไม่มีใครเสมอเหมือน แม้จะมีผู้นำเพลงเก่าที่เธอเคยร้องไว้แล้ว มาบันทึกเสียงซ้ำอีก ด้วยนักร้องคนใหม่ นักฟัง เพลงไทยสากลที่ฟังเพลงอย่างพิถีพิถันจะพากันเสียดายที่เพลงนั้นต้องด้อยในคุณค่าลงไป เพราะไม่ใช่เสียงของเธอ แม้เพลงที่เคยเป็นของนักร้องคนอื่นมาก่อน เธอก็สามารถทำให้ไพเราะซาบซึ้ง ได้โดยไม่ยากนักแถมบางเพลงเธอสามารถจับจุดที่เด่นให้ฉายแสงขึ้นมากระจ่างได้ชัดเจนเป็นพิเศษ อีกด้วย ความสามารถพิเศษอีกประการหนึ่งของ เพ็ญศรีฯ ที่นักร้องอีกมากมายหลายคนไม่สามารถทำได้คือ ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์เพลง ทั้งในแง่ของการวิเคราะห์บทเพลง และวิเคราะห์การขับร้องของตนเอง ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงได้รับเชิญให้ไปบรรยายทางวิชาการดนตรีเป็นประจำ อันเป็นลักษณะเด่นในความเป็นครูที่ดีนั่นเอง สามารถถ่ายทอดให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้ดีเยี่ยม

สรุปได้ว่า เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เป็นศิลปินนักร้องที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการทำให้เพลงไทยสากลของไทยก่อตัวขึ้นเป็นศิลปะที่ชัดเจน เต็มไปด้วยความหมายและสุนทรียะอันทรงคุณค่า เป็นทั้งมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ นับได้ว่าเธอเป็นศิลปินเอกคนหนึ่ง ที่ควรแก่การยกย่องเชิดชู ให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ในผลงานด้านคีตศิลป์

จากประวัติชีวิตและผลงานดังกล่าว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจึงประกาศ ยกย่อง เชิดชูเกียรติให้    เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง (เพลงไทยสากล ขับ ร้อง) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2534 และได้เข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติ จากสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อวัน อาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2535

ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/54–734016439260242729/

อ้างอิง
ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์.(2548) ศึกษาวิธีการขับร้องของเพ็ญศรี พุ่มชูศรี
(วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ).

Loading

Scroll to Top