ประเพณีทอดผ้าป่าหัวเรือและแห่ผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช สะท้อนพลังศรัทธาและวิถีชีวิตงดงามของชาวบ้านท่าโรง จังหวัดพิษณุโลก

ประเพณีท้องถิ่นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความเชื่อ ค่านิยม และวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและสืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังแสดงถึงความผูกพันระหว่างผู้คนกับสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะประเพณีทอดผ้าป่าหัวเรือและแห่ผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช ของชาวบ้านท่าโรง จังหวัดพิษณุโลก อันเป็นหนึ่งในประเพณีที่มีความโดดเด่น เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่างการทำบุญทางพระพุทธศาสนากับวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ อีกทั้งยังถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาและความสามัคคีของคนในท้องถิ่น
ความเป็นมา
จากคำบอกเล่าของคุณลุงสำราญ นุชรุ่งเรือง หนึ่งในผู้เข้าร่วมขบวนฝีพายได้นำเล่าถึงประเพณีทอดผ้าป่าหัวเรือและแห่ผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช ซึ่งจัดขึ้นโดยเคลื่อนขบวนจากวัดท่าโรงไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ประเพณีนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2485–2488 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีหลวงพ่อโดด เจ้าอาวาสวัดท่าโรงตะวันออกในขณะนั้นเป็นผู้ริเริ่ม ทั้งนี้ท่านได้ออกจดหมายฎีกาเชิญชวนวัดและชุมชนใกล้เคียงให้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา
ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณลุงสำราญมีอายุเพียง 18 ปี การจัดประเพณีจะเริ่มขึ้นหลังจากวันออกพรรษาเป็นต้นไป โดยจะเริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่รุ่งเช้าออกเดินทางจากวัดท่าโรงไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ขณะเดียวกันชาวบ้านจะห่อข้าวไปรับประทานกันเอง และเมื่อถึงระหว่างทางก็มักจะแวะรับประทานอาหารเช้าที่วัดจูงนาง ก่อนจะเดินทางต่อไปอย่างพร้อมเพรียง






ลักษณะของประเพณี
การจัดขบวนเรือประกอบด้วยเรือใหญ่และเรือเล็กจำนวนมาก
- เรือใหญ่ : จะเป็นเรือที่นำหน้าเรือเล็กเสมอและจะไม่มีการจอดแวะที่ใด เป็นเรือที่สามารถบรรจุและรองรับน้ำหนักข้าวสารได้เกือบห้าตัน และขับเคลื่อนโดยการทวนกระแสน้ำไหล ในการจัดวางสิ่งของบนเรือใหญ่ ประกอบด้วยผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราชวางไว้บนพานที่หัวเรือ ถัดมาจะเป็นชะลอมผ้าป่าที่เตรียมไปวางไว้ในแต่ละท่าเรือของแต่ละวัด ภายในชะลอมประกอบด้วย ข้าวสาร พริกแห้ง เกลือ น้ำตาลมะพร้าว สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แปรงสีฟัน ไม้ขีดไฟ ผ้าขนหนู สมุดดินสอ มีดโกน ไฟฉาย เป็นต้น ในหัวชะลอมจะเป็นพุ่มเงินผ้าป่าติดพุ่ม ส่วนตรงกลางของเรือจะประกอบด้วยเครื่องดนตรีและผู้เล่นดนตรี เช่น ระนาด โทน ฆ้อง ตะโพน รำมะนา สร้างบรรยากาศครึกครื้น ภายนอกและบนเรือจะประดับด้วยธงสามเหลี่ยมหลากหลายสีสัน และมีดอกไม้ประดับบนลำเรืออย่างสวยงาม
- เรือขุด เป็นเรือที่ต้องจูงเรือใหญ่ไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งประกอบไปด้วยเรือขนาดที่นั่งสิบห้าฝีพาย จำนวนหกลำขึ้นไป
- เรือเล็ก : ทำหน้าที่ประกบข้าง ประกอบด้วย เรือโพง เรือหมู่ และเรือตาม มีหน้าที่คอยนำชะลอมจากเรือใหญ่ผ้าป่าไปวางตามท่าเรือของแต่ละวัด และรับเงินทำบุญจากครัวเรือนตามสองฝั่งแม่น้ำ โดยจะส่งเสียงเรียกร้องเพื่อเรียกให้ไปรับเงินผ้าป่าเพื่อนำไปทำบุญ
เมื่อขบวนเรือมาถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารในช่วงบ่าย จะมีพิธีถวายผ้าป่าและอัญเชิญผ้าห่มขึ้นห่มองค์พระพุทธชินราช ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหลักที่สะท้อนถึงศรัทธาอันแรงกล้าของชุมชน เสร็จแล้วชาวบ้านจะร่วมกันรับประทานอาหารและพักผ่อนกันตามอัธยาศัย






นอกจากกิจกรรมทางศาสนา ยังมีการแข่งขัน “การประลองฝีพาย” ของชาวบ้านแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคี ความสนุกสนาน และการสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชน โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลเชิงสัญลักษณ์คือ “น้ำมันตะเกียง”






คุณค่าของประเพณี
คุณค่าทางศาสนา
– เป็นการทำบุญถวายผ้าป่าและผ้าห่มพระพุทธชินราช อันเป็นพุทธบูชาและสร้างกุศลแก่ผู้ร่วมงาน
คุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรม
– สร้างความสามัคคีของชาวบ้าน ผ่านการรวมพลังจัดขบวนเรือและกิจกรรมร่วมกัน
คุณค่าทางประวัติศาสตร์
– สะท้อนความผูกพันระหว่างชุมชนกับแม่น้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมและแหล่งหล่อเลี้ยงวิถีชีวิต
คุณค่าทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
– การรื้อฟื้นประเพณีช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว เกิดการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและเผยแพร่วัฒนธรรมสู่สาธารณชน






การสืบสานและฟื้นฟู
ประเพณีทอดผ้าป่าหัวเรือและแห่ผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช ถือเป็นประเพณีที่มีคุณค่าทั้งทางศาสนา วัฒนธรรม และสังคม เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธา ความสามัคคี ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวบ้านท่าโรงที่ผูกพันกับสายน้ำ ดังนั้น การฟื้นฟูและสืบสานประเพณีนี้จึงมิได้เป็นเพียงการอนุรักษ์วัฒนธรรมเท่านั้น หากยังเป็นการสร้างอัตลักษณ์ชุมชนและเสริมสร้างทุนทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของจังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย แม้ว่าประเพณีทอดผ้าป่าหัวเรือจะเคยเลือนหายไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากการคมนาคมทางบกที่สะดวกกว่า แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2555 เนื่องในวาระเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และนับแต่นั้นมาก็ได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนที่ตระหนักถึงคุณค่า เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คงอยู่คู่จังหวัดพิษณุโลกสืบไป



https://www.wadprik.go.th/news-detail?hd=1&id=151960 (เว็บไซต์เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนตำบลวัดพริก)
https://www.facebook.com/share/p/1FXtsNuKNc เพจวัดท่าโรงตะวันตก ตำบลวัดพริก
https://acowiki.psru.ac.th หมวดที่ 3 แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาววิวรรธนี สังข์ทอง นักวิชาการศึกษา ชำนาญการ
![]()
